สำหรับ วิธีการเล่นบาคาร่า จะมีเวลาในการวางเดิมพันอยู่ 25 วินาที โดยที่ผู้เล่นสามารถเลือกวางเดิมพันได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ คือ Player, Banker, Tie Game, Player Pair และ Banker Pair ซึ่งหลักจากหมดเวลา 25 วินาที จะไม่สามารถวางเดิมพันได้อีก จากนั้นพนักงานจะทำการแจกไพ่ทั้งสองฝั่ง ฝั่งละ 2 ใบก่อนในตอนแรก และดูว่าผลรวมของไพ่นั้นเข้ากับกฏการจั่วไพ่ใบที่สามหรือไม่ หากใช่ก็จะจั่วไพ่ใบที่สามขึ้นมา แล้วนับผลรวมของไพ่ว่าได้เท่าไหร่ ก็จะแสดงผลแพ้ชนะชึ้นหน้าจอให้ทันได้ทราบในทันที
กฏการจั่วไพ่ใบที่สาม
- ฝั่ง Player จะพิจารณาว่าควรจั่วไพ่ใบที่สามหรือไม่ ดังนี้
- ฝั่ง Banker จะพิจารณาว่าควรจั่วไพ่ใบที่สามหรือไม่ ดังนี้
ส่วนการนับแต้ม จะนำผลรวมของไพ่ทั้งสองใบมาบวกกัน (ในกรณีที่มีการจั่วไพ่ใบที่ 3 การนับแต้มก็จะนำไพ่ใบที่ 3 มาบวกรวมกันด้วย) โดยผลของแต้มไพ่บาคาร่าจะดูจากตัวเลขสุดท้ายของผลรวม เช่น
- ไพ่ใบแรกได้ 7 ไพ่ใบที่สองได้ 9 ผลรวมของไพ่สองใบนี้จะเท่ากับ 7+9 = 16 ดังนั้นแต้มของไพ่ชุดนี้จะเป็น 6
- ไพ่ใบแรกได้ Q ไพ่ใบที่สองได้ A ผลรวมของไพ่สองใบนี้จะเท่ากับ 0+1 = 1 ดังนั้นแต้มของไพ่ชุดนี้จะเป็น 1
- ไพ่ใบแรกได้ K ไพ่ใบที่สองได้ 10 ไพ่ใบที่สามได้ 7 ผลรวมของไพ่สองใบนี้จะเท่ากับ 0+0+7 = 7 ดังนั้นแต้มของไพ่ชุดนี้จะเป็น 7
โต๊ะบาคาร่าในรูปแบบออนไลน์นั้น ส่วนใหญ่จะมีด้วยกันอยู่ 2 แบบ ดังนี้
- แบบหักค่า Commission 5 % : เมื่อผู้เล่นวางเดิมพันในฝั่งเจ้ามือ (Banker) แล้วผลออกมาชนะ เงินรางวัลจะถูกหัก 5 % เช่น วางเดิมพันฝั่งเจ้ามือ (Banker) 100 บาท เมื่อชนะ จะได้รับเงินรางวัลที่ 95 บาท ส่วนถ้าวางเดิมพันฝั่งผู้เล่น (Player) เมื่อชนะจะไม่ถูกหักค่า Commission หรือก็คือ วางเดิมพัน 100 บาท ก็จะได้รับเงินรางวัล 100 บาทนั่นเอง
- แบบไม่มีค่า Commission : เป็นรูปแบบที่จะไม่มีการหักค่า Commission แต่ถ้าผู้เล่นเลือกวางเดิมพันฝั่งเจ้ามือแล้วชนะที่ 6 แต้ม จะได้รับเงินรางวัลแค่ครึ่งเดียว (50%) แต่ถ้าชนะด้วยแต้มอื่นๆก็จะได้รับเงินรางวัลเต็มจำนวน เช่นวางเดิมพันฝั่งเจ้ามือ (Banker) ที่ 50 บาท แล้วผลออกมาว่าชนะที่ 6 แต้ม ก็จะได้รับเงินรางวัลที่ 50 บาท แต่ถ้าหากวางเดิมพัน 100 บาทฝั่งเจ้ามือ (Banker) แล้วชนะที่ 7 แต้ม หรือแต้มอื่นๆก็จะได้รับเงินรางวัลที่ 100 บาทเต็ม ส่วนการแทงฝั่งเจ้ามือ (Player) เมื่อชนะจะได้รับเงินรางวัลเต็มจำนวน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น